ผู้ป่วยเบาหวานรับมือกับหน้าหนาวอย่างไร?

ผู้ป่วยเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานรับมือกับหน้าหนาวอย่างไร?

เมื่ออาการเริ่มเปลี่ยนแปลง หน้าฝนกำลังจะผ่านไปหน้าหนาวเริ่มใกล้เข้ามา เราจะมีวิธีรับมือกับอากาศเย็นอย่างไรบ้างนั้น สำหรับผู้เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือกลุ่มโรคอื่นๆจะมีวิธีดูแลตัวเองกันอย่างไรมาอ่านไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

เมื่อสภาพอากาศเริ่มเย็นลงแนะ 3 โรคควรระวังอาการกำเริบ

ผู้ป่วยเบาหวาน – ความดัน – หัวใจ ระวังช่วงหน้าหนาว เพิ่มความเสี่ยงอาการกำเริบ สบส. ชี้ อากาศเย็นลง 1 องศา เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจเฉียบพลันถึง 2% เหตุเลือดหนืดขึ้น หัวใจทำงานหนักขึ้น แนะผู้ป่วยเบาหวานรับมือกับหน้าหนาวอย่างไร?
อากาศเย็นลง แนะ 3 โรคควรระวังอาการกำเริบ
ผู้ป่วยเบาหวาน – ความดัน – หัวใจ ระวังช่วงหน้าหนาว เพิ่มความเสี่ยงอาการกำเริบ สบส. ชี้ อากาศเย็นลง 1 องศา เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจเฉียบพลันถึง 2% เหตุเลือดหนืดขึ้น หัวใจทำงานหนักขึ้น แนะ ผู้ป่วยเบาหวานรับมือกับหน้าหนาวอย่างไร?
นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ ว่า ช่วงฤดูหนาว ประชาชนกลุ่มที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคไตวาย โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น มีความเสี่ยงที่จะป่วย หรือเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ สบส. จึงขอให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้วิธีการดูแลสุขภาพตัวเองและให้ติดตามเยี่ยมเยียนอาการเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต้องปฏิบัติตัว 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การกินยาควบคุมอาการตามแพทย์สั่ง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงฤดูหนาวจะต้องเพิ่มการดูแลเป็นกรณีพิเศษ
“ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ทั่วประเทศมีประมาณ 6 ล้านคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอากาศหนาวจะเย็นกว่าที่อื่น ซึ่งนอกจากความเย็นและความชื้นในอากาศที่ลดลงจะส่งผลกระทบทำให้ผิวหนังแห้ง แตกคันแล้ว ความหนาวเย็นมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็วกว่าปกติ และทำให้เลือดมีความหนืด มีผลกระทบต่อระบบการไหลเวียนเลือด ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จึงอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น โดยอุณหภูมิที่ลดลงทุก 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจเฉียบพลัน (Heart attack) ได้ถึงร้อยละ 2” นพ.วิศิษฎ์ กล่าว

***นพ.วิศิษฎ์ กล่าวว่า สำหรับการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาว ขอให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังปฏิบัติตัว ดังนี้

1. ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมหมวกไหมพรม เสื้อคลุมกันหนาว ใส่ถุงมือถุงเท้า สวมรองเท้าที่ใส่สบาย ทาผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์วันละหลายๆ ครั้ง รักษาความชุ่มชื้นผิวหนัง ให้หลีกเลี่ยงอยู่ในที่โล่ง ลมโกรก หรือสถานที่มีคนแออัด เนื่องจากอาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดจากคนอื่นได้ง่ายและหายช้ากว่าคนทั่วไป
2. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ ให้ได้วันละ 2 ลิตร หรืออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว รับประทานอาหารปรุงสุกแล้วให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารรสไม่จัด หลีกเลี่ยงขนมหวาน อาหารไขมันสูง เพิ่มการรับประทานผักสดและผลไม้สดที่หวานน้อย เนื่องจากมีแร่ธาตุสูง มีวิตามินเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคช่วงหน้าหนาว หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เพราะไม่สามารถแก้ความหนาวได้ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้โรคที่มีอยู่เดิมกำเริบขึ้นได้
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ผลของการออกกำลังกาย จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หัวใจมีความทนทาน สำหรับผู้สูงอายุควรออกกำลังกายโดยการเดินเร็วหรือยืดเหยียดร่างกาย
4. หมั่นตรวจเช็กค่าความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
6. จัดการตนเองแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม ไม่เครียด ไม่พึ่งสุรา สารเสพติด และ
7. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยสวมใส่ชุดนอนที่อบอุ่นและห่มผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง”

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : สสส
เรียบเรียงใหม่โดย : เลือดจระเข้ไทย